Butterfly Effect & Parallel Universe

จำได้ว่าเมื่อครั้งหนึ่ง (และอีกหลายครั้ง) ที่อ่านกระทู้ในห้องหว้ากอ จะเจอคำถามเกี่ยวกับการสร้างไทม์แมชชีน ว่าสามารถสร้างได้จริงไหม ถ้าสร้างได้ มนุษย์จากอนาคตทำไมไม่มาบอกเทคโนโลยีหรือช่วยแก้ปัญหาต่างๆกับเรา

ทุกครั้งจะได้คำตอบออกแนว Butterfly Effect คือว่าหากเขากลับมายุ่งกับอดีตของเขา แล้วส่งผลไปถึงอนาคต (ปัจจุบันของพวกเขา) จนบิดเบี้ยวไป จะทำอย่างไร

ยกตัวอย่างเช่น นาย ข. ย้อนเวลากลับมา แล้วบังเอิญไปฆ่านาย ก. ซึ่งเป็นพ่อของนาย ข. แล้วเมื่อพ่อเขาตาย แล้วนาย ข. จะเกิดมาได้อย่างไร แล้วนาย ก. ที่ถูกนาย ข ฆ่า จะตายได้อย่างไร ในเมื่อนาย ข. ไม่เคยเกิด

ผมลองมานั่งคิดเล่นๆดู ว่าถ้าหากมีการสร้างไทม์แมชชีนได้จริง และมีอนุษย์จากอนาคตย้อนเวลามาอยู่กับเราได้จริงๆล่ะ

ผมคิดเล่นๆว่าบางที การแก้ไขอดีตอาจจะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเาก็ได้

สมมุติว่าอย่างนี้ ปัจจุบันเราทดลองเมกะโปรเจ็กท์ ยิ่งใหญ่กว่าโฮปเวลล์ มีการทดลองยิงลำแสงมหาประลัยลงไปยังแกนโลก ผลที่จะตามมาคือแกนโลกจะไม่เสถียร และทำให้ดาวโลกเกิดระเบิด และด้วยความไม่รู้ นักวิทยาศาสตร์กำลังจะเดินเครื่อง ฉับพลันก็มีมนุษย์ในอนาคตย้อนเวลากลับมา เพื่อห้ามไม่ให้การทดลองนี้เกิด

เย้ โลกรอดพ้นจากภัยพิบัติ แล้วทีนี้เมื่อมีหลักฐานถึงการย้อนเวลา มนุษย์เริ่มวิจัยเครื่องไทม์แมชชีนอย่างจริงจัง มีการสร้างไทม์แมชชีนได้สำเร็จ เวลาผ่านไป เอาล่ะ เราเคยมีคนจากอนาคตมาช่วยไม่ให้เราระเบิดโลกตัวเอง นั่นคือเรานี่แหละที่ต้องส่งกลับไป แต่ถ้าเราไม่ส่งคนกลับไปล่ะ

โลกระเบิด มนุษย์สูญสิ้นเผ่าพันธุ์ การวิจัยไทม์แมชชีนไม่เกิด อนาคตก็แปลกประหลาดไปอีก ดังนั้นเราจึงต้องส่งคนกลับไปแก้ไขอดีต เพื่อคงปัจจุบันให้ยังคงเป็นปัจจุบัน

ที่จริงเรื่องพวกนี้มันมีทฤษฎีมาอธิบายมากมาย เรื่องหนึ่งที่มาอธิบายเรื่องนี้ คือเรื่องของจักรวาลคู่ขนาน หรือ Parallel Universe

เรื่องของ Parallel Universe เคยถูกเอามาเล่นในการ์ตูนเรื่องดราก้อนบอล ผมไม่ได้ตามการ์ตูนชุดนี้ ผมพอจะรู้คร่าวๆว่าดาวของ ก. ถูกทำลายโดย ข. ดังนั้น ก. จึงย้อนเวลากลับมากำจัด ข. จนอนาคตของมิตินั้น ดวงดาวไม่ถูกทำลาย แต่พอ ก. กลับมายังช่วงเวลาของตัวเอง (ซึ่งเป็นอีกมิติหนึ่ง) ดาวของเขาก็ยังคงถูกทำลายอยู่ดี

หรืออีกทฤษฎีหนึ่ง ที่ถูกเอามาเสนอในภาพยนตร์เรื่อง The Time Machine ที่พระเอกของเรื่องย้อนเวลากลับไปช่วยเหลือแฟน แต่พอช่วยได้จากเหตุการณ์หนึ่ง ก็จะมีอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้แฟนเสียชีวิตอยู่ดี (ตอนแรกโดนปืนยิงตาย ย้อนเวลากลับไป ช่วยไม่ให้โดนยิง แต่ก็ไปโดนรถชนตายอยู่ดี) กล่าวคือมันก็จะมีการสร้างเงื่อนไขอื่นเพิ่มขึ้นอีก เพื่อให้อนาคตไม่เปลี่ยนแปลงนั้นเอง

อันที่จริง ซีรี่สฺอเมริกันแคนาเดียนเรื่อง Stargate SG-1 ก็เอามาเล่นกันถึงสองแบบ คือการกลับไปยุ่งกับอดีต เพื่อให้ปัจจุบันยังคงเป็นแบบนี้ต่อไป และการโผล่ไปอีกมิติหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นมิติที่โผล่ไป ดาวโลกกำลังถูกโจมตีจากฝ่าย Goa’uld เมื่อแดเนียลกลับมามิติตัวเอง ก็เอาข้อมูลนั้นมาให้กับหน่วย จนสามารถป้องกันโลกจากการรุกรานของ Goa’uld ได้สำเร็จ (แต่ก็ดูจะง่ายไปหน่อย หนีไปอีกมิติ บอกให้อีกมิติยอมเสียสละ ให้การไดอัลเกตครั้งสุดท้ายกับแดเนียล เพื่อให้แดเนียลเอาข้อมูลกลับไปที่มิติตัวเอง มิติตัวเองจะได้ไม่ถูกทำลาย)

เอาเข้าจริงแล้วเรื่องพวกนี้เถียงกันให้ตายมันก็ไม่จบ แต่ละทฤษฎีมีความน่าสนใจ และพอจะเป็นไปได้ทั้งสิ้น และเราคงจะตอบคำถามอะไรไม่ได้ นอกจากว่าเราจะสามารถสร้าง Time Machine ขึ้นมาได้จริงๆ แล้วก็พิสูจน์กันให้เห็นๆไปเลยว่าแท้จริงแล้วเป็นอย่างไร ทฤษฎีที่ถูกต้องคืออันไหน หรือแม้แต่ เราสามารถย้อนเวลาได้จริงหรือไม่

ถามเอง ตอบเอง งงเอง กูจะบล็อกมาทำเพื่อ

• Category: Journal
• Tag: Butterfly Effect, Parallel Universe, Time