6 วันในพม่า เที่ยวมัณฑะเลย์ – พุกาม ตอนที่ 2

จริงๆ ตอนแรกกะจะเขียนยาวทีเดียวจบ แต่พอมากดพรีวิวแล้วเห็นว่าบล็อกยาวเป็นกิโลเลย เลยตัดสินใจว่าเราจะหั่นบล็อกเที่ยวพม่านี่ออกเป็น 2 หรือ 3 ตอนก็แล้วกัน

วันที่สาม – ไปพุกาม

เช้าวันถัดมาก็จัดการธุระทุกอย่างให้เรียบร้อยและเช็คเอาท์โรงแรม จากนั้นก็นั่งรออยู่ที่โรงแรมนั่นแหละ รถบัสจะวนมารับให้เอง (จะมารับก่อนเวลารถออกประมาณครึ่งชั่วโมง) จากนั้นก็คือมุ่งหน้าไปยังพุกาม

ทางระหว่างมัณฑะเลย์ไปพุกามนั้นถือว่าโอเคในระดับหนึ่ง คือเป็นถนนเส้นใหญ่ราดยางตลอดสาย (จริงๆ บางช่วงก็เป็นซีเมนต์เปลือยๆ) มีการทำถนนใหม่อยู่บางช่วงด้วย ข้อดีอย่างหนึ่งคือทางจากมัณฑะเลย์ไปพุกามนั้นเป็นที่ราบทั้งหมด ไม่ต้องขึ้นเขาลงห้วย ดังนั้นโดยรวมแล้วนั่งค่อนข้างสบาย และตลอดสองข้างทางนั้นจะเป็นพวกไร่นาเกือบทั้งหมด

ระหว่างทางรถจะมีจุดจอดพักอยู่จุดหนึ่ง ตรงนี้เราจะสามารถเข้าห้องน้ำ กินข้าว หรือซื้อของกินเล่นได้ ซึ่งก็จะมีพวกผลไม้ นกย่าง (น่าจะใช่) มันฝรั่งทอด และเต้าหู้ทอดที่หน้าตาเหมือนซาลาเปาทอดน้ำ

มันไม่ใช่ซาลาเปาทอดน้ำ มันคือเต้าหู้ทอดทั้งก้อน รสชาติมันๆ เลี่ยนๆ ไม่มีไส้ใดๆ

เต้าหู้ทอดนี่เป็นอะไรที่ฝังใจมากๆ เพราะตอนถามว่ามีไส้มั้ย (What’s the filling?) แม่ค้าตอบมาว่า “มีท” ในใจก็กรุ้มกริ่มว่าได้กินเนื้อแล้วโว้ยยยย 😂

ใครที่เคยอ่านรีวิวทริปมัณฑะเลย์-พุกามน่าจะเคยได้ยินว่าระหว่างทางมันมีสะพานแห่งหนึ่งที่เป็นสะพานเลนเดียว แล้วใช้ร่วมกันทั้งรถยนต์และรถไฟ อยากบอกว่าตอนนี้เขากำลังสร้างสะพานใหม่คู่กันอยู่ ในอนาคตรถคงวิ่งสวนกันได้ และทางรถไฟก็แยกต่างหากออกไป

สะพานใหม่ที่สร้างอยู่คู่กัน (ภาพถ่ายตอนขากลับ)

รถจากมัณฑะเลย์จะมาจอดถึงแค่ท่ารถซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองออกมาสักหน่อย (ต่างกับของมัณฑะเลย์ที่อยู่ในตัวเมืองเลย) ดังนั้นเมื่อมาถึงแล้วเราต้องนั่งรถต่อเข้าไป คือตอนที่หาอ่านรีวิวจะมีบอกว่ามีรถฟรีไปส่งที่เมือง แต่เท่าที่มองหาดูไม่พบรถฟรีสักคัน เจอแต่แท็กซี่ สุดท้ายเลยโบกแท็กซี่ไปโรงแรม

โรงแรมที่มานอนคืนนี้คือโรงแรม Grand Empire Hotel ที่ตั้งอยู่ในบริเวณตลาด Mani Sithu ที่เป็นตลาดเช้าอันขึ้นชื่อของที่นี่ (แต่ไม่ได้ไปเดิน) อ้อ โรงแรมนี้ไม่รับบัตรเครดิต

เช็คอิน

มาถึงที่พุกามก็บ่ายแก่ๆ แล้ว เลยออกไปเดินสำรวจในย่านนี้สักหน่อย และลองกินอาหารพม่าข้างทางดูบ้าง (สภาพโดยรวมของที่นี่ดูสะอาดกว่าที่มัณฑะเลย์) รอบนี้ก็ได้ลองบะหมี่พม่ากับหมูที่คล้ายๆ ขาหมู (น่าจะเป็นหมูจุ่มพม่าที่เขาร่ำรือกัน)

ตัวบะหมี่เปล่าๆ จะออกเลี่ยนๆ หน่อย ต้องใส่เครื่องปรุงที่เขามีมาให้ (น่าจะเป็นซอสเย็นตาโฟ ซีอิ๊ว พริกป่น แล้วก็พริกน้ำส้ม) ส่วนที่อร่อยจริงๆ คือน้ำซุป อร่อยมาก สนนราคา 2,200 จ๊าด ถ้าจำไม่ผิด

อีกอันที่สงสัยว่าจะเป็นหมูจุ่ม มันเป็นพวกเครื่องในหมู เคี่ยวรวมกับหมูสองชั้น (ใช่แล้ว มันคือหมูสองชั้น มีแต่หนังกับมัน ไม่มีเนื้อ) เอามาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ เสิร์ฟมาในถ้วยเล็กๆ ราดน้ำจิ้มรสชาติเหมือนน้ำจิ้มลูกชิ้นแป้งทอดรสปลาในบ้านเรา กับมีน้ำซุปมาให้อีกหน่อย ราคาอยู่ที่จานละ 1,000 จ๊าด

สิ่งหนึ่งที่ค้นพบคือในย่านนี้ไม่มีร้านสะดวกซื้อที่เป็นแบรนด์ใหญ่เหมือนอย่างในมัณฑะเลย์ (แต่ดันมีร้าน Mi Store ซึ่งไม่รับบัตรเครดิต) แต่จะมีร้านสะดวกซื้อแบบธุรกิจครอบครัวที่เปิดขาย 24 ชั่วโมง

วันที่สี่ – เที่ยวพุกาม ดูอาทิตย์ขึ้น ลุยทะเลเจดีย์

มาถึงพุกามแล้วก็ต้องไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ทะเลเจดีย์ที่มาพร้อมกับบอลลูนชมวิวนับสิบลูกที่พานักท่องเที่ยวขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นจากมุมสูง

การจะมาชมวิวที่นี่ถ้าจะจ้างแท็กซี่ก็คือต้องติดต่อล่วงหน้าเอาไว้ (แน่นอนว่าให้โรงแรมหาให้ได้เช่นกัน) และแท็กซี่จะมารับเราตั้งแต่ช่วงเช้ามืดประมาณตีสี่ครึ่งถึงห้า หรือถ้าใครเช่ามอเตอร์ไซค์เอาไว้แล้วพอรู้ทิศรู้ทาง จะขับไปเองก็ได้เช่นกัน แต่ต้องระวังสักหน่อยเพราะในโซนทะเลเจดีย์จะไม่มีไฟทางเลย

จริงๆ จุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นยอดฮิตคือเจดีย์ทัตบินยูซึ่งเป็นเจดีย์ที่สูงใหญ่ที่สุดในพุกาม แต่แผ่นดินไหวใหญ่เมื่อไม่กี่ปีที่แล้วได้ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างของเจดีย์ ทางการพม่าจึงปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมวิวจากบนเจดีย์ได้อีก เราเลยได้ดูพระอาทิตย์ขึ้นจากบนพื้นแทน (เขาทำเป็นเนินดินสูงๆ เอาไว้ให้เราขึ้นมาดูได้ น่าจะสูงแค่ประมาณสองถึงสามเมตรเท่านั้น)

หลังจากชมวิวก็กลับมาทานมื้อเช้าที่โรงแรมก่อนที่แท็กซี่จะมารับออกไปเที่ยวพุกาม ในมื้อเช้านี้ได้ลองของใหม่อีกอย่างหนึ่งนั่นคือ “ขนมจีนพม่า” (ถ้าค้นมาไม่ผิด น่าจะเรียกว่า โมฮิงกา) น้ำยาของพม่านี่หน้าตาดูเผินๆ จะคล้ายกับน้ำเงี้ยวผสมน้ำยาป่า รสชาติจะกลมกล่อมมาก ไม่หวาน ไม่เลี่ยน มีรสเผ็ดแซมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เป็นอาหารพม่าที่ชอบที่สุดในทริปนี้เลย

อ้อ จริงๆ แล้วขนมจีนที่เรากินกันเนี่ย มันไม่ใช่อาหารจีนนะ แต่เป็นอาหารมอญ (ชนกลุ่มหนึ่งในพม่า) ดังนั้นว่ากันจริงๆ ขนมจีนพม่าน่าจะดั้งเดิมกว่าขนมจีนไทย

พอกินมื้อเช้าเสร็จสักพัก แท็กซี่ก็มารับไปเที่ยวโบราณสถานในพุกามกันต่อ

สภาพโดยรวมของตัวเมืองพุกามเก่าคือมันจะเป็นทุ่งกว้างๆ แล้วมีเจดีย์อยู่ทั่วไป มีเจดีย์ใหญ่ๆ อย่างเจดีย์ทัตบินยูที่เป็นเหมือนไฮไลท์ แต่น่าเสียดายว่าหลังเกิดแผ่นดินไหว ทำให้ทางการพม่าปิดไม่ให้ขึ้นไปชมวิวด้านบนของเจดีย์ได้อีก

เจดีย์ชเวสิกอง
วัดอนันดา
เจดีย์ทัตบินยู
วิหารธรรมยาจี
วิหารสุลามณี

เนื่องด้วยมีเวลาไม่ค่อยมาก และไม่ได้ศึกษาเรื่องเกี่ยวพุกามมาก่อน ประกอบกับคนขับรถพูดไม่รู้เรื่องเลย เลยกลายเป็นชะโงกทัวร์ไปแบบงงๆ รู้ตัวอีกทีก็บ่ายแล้ว เลยแวะกินข้าวเที่ยงก่อนสักครู่หนึ่ง

มื้อเที่ยงของวันนี้เป็นอาหารพม่าแท้ๆ อีกมื้อ ที่สั่งมาจริงๆ คือจะมีแค่แกงหมูอะไรสักอย่าง (ในเมนูบอกเป็น Pork Curry) หน้าตาคล้ายๆ มัสมั่นแต่รสไม่ใช่ และกินไปกินมาพบว่านี่มันมัสมั่นมันหมูชัดๆ ส่วนในถ้วยที่เหลือจะเป็นเหมือนเครื่องเคียง เรียงจากสองอันบน คือผักอะไรสักอย่าง กับคล้ายๆ ปลาทอด (สองอันนี้ไม่รู้จริงๆ ว่ามันคืออะไร) ส่วนแถวล่างจะเป็นพริกแห้งตำ มัสมั่นหมู ถั่วงอก และข้าวโพด

ถ้าย้อนกลับขึ้นไปดูรูปตอนเช้าที่ไปดูอาทิตย์ขึ้น จะเห็นหอคอยสูงๆ แห่งหนึ่งที่หน้าตาดูไม่โบราณเท่าไหร่ ถูกต้องครับ มันเป็นของใหม่ หอคอยแห่งนี้เป็นหอชมวิวตั้งอยู่ในเขตของเอกชนคือ Aureum Palace Hotel & Resort ค่าขึ้น $5 หรือประมาณ 8,000 จ๊าด ข้างบนสามารถเห็นวิวรอบพุกามได้ทั้งหมด

หลังจากตรงนี้ก็เหมือนจะเป็นช่วงเบรค คือเหมือนคนขับก็หมดมุกว่าจะพาไปไหน เลยพาตะลอนชมรายทางไปเรื่อยๆ เพื่อรอปิดวันตรงพระอาทิตย์ตก ซึ่งตรงนี้คนขับพาไปนั่งเรือเล่นที่ย่านพุกามใหม่ด้วย

เจดีย์รายทาง

เรือที่ไปนั่งนี่เหมือนจะเป็นเรือญาติคนขับเอง ตัวคนขับบอกว่าค่านั่งจะถูกกว่าไปนั่งตรงท่าเรือหลักอยู่นิดหน่อย ($15 หรือถ้าจะจ่ายเงินจ๊าดจะเป็น 25,000 จ๊าด แพงกว่านิดหน่อย)

นั่งเรือเที่ยวตรงนี้อาจจะไม่มีกิจกรรมอะไรให้ทำสักเท่าไหร่นัก เรือวิ่งวนๆ อยู่บริเวณใกล้ๆ และมีจอดให้ขึ้นไปดูไร่หอมแดงริมแม่น้ำด้วย อันนี้โดยส่วนตัวผมว่าวิวจุดนี้ถือว่าสวย และค่อนข้างแปลกตาจากแม่น้ำในไทยอยู่ไม่น้อย แต่เวลาเดินต้องระวังต้นหอมที่เขาปลูกไว้ด้วย

นั่งเรือหางยาวในแม่น้ำอิรวดี
ไร่ต้นหอมริมแม่น้ำอิรวดี
ดินริมแม่น้ำอิรวดีส่วนมากแล้วจะเป็นดินทรายที่ร่วนมากๆ

หลังจากเตร็ดเตร่อยู่พักใหญ่ ตอนเย็นคนขับก็พามาชมอาทิตย์ตกดิน ซึ่งเราจะต้องปีนขึ้นไปบนยอดเจดีย์เล็กๆ แห่งนี้ โดยจะมีบันไดทางเข้าเล็กๆ อยู่ด้านหลังเจดีย์ (เป็นบันไดในตัวเจดีย์เลย ค่อนข้างมืดและชัน ขาลงเตรียมเปิดไฟฉายได้เลย)

คนเป็นล้าน

จบวันที่สี่ลงพร้อมกับแบตกล้องที่หมดสนิทพอดี (ไม่ได้พกที่ชาร์จไปด้วย) คนขับก็พากลับมายังโรงแรมที่พักของเรา

และมื้อเย็นมื้อสุดท้ายในพุกาม เราฝากท้องไว้กับร้าน CAFE F.R.I.E.N.D.S. (ที่ไม่เกี่ยวกับซีรี่ส์ชื่อเดียวกันนี้แต่อย่างใด) ร้านนี้ตั้งอยู่แถวๆ ตลาด Mani Sithu ตอนแรกก็สองจิตสองใจไม่กล้าเข้า แต่พอเข้าไปแล้วพบว่ามีเมนูอาหารที่คุ้นหน้าคุ้นตาอยู่ และรสชาติใช้ได้ ไม่เลี่ยนไม่มัน ผิดกับอาหารพม่าที่กินมาตลอดทริป (ไม่แน่ใจเมนู จะเคลมว่าเป็นร้านอาหารไทยก็ไม่กล้า)

และเราก็จบวันที่สี่ของเราเพียงเท่านี้

ต่อในตอนที่ 3

ในสองวันสุดท้ายเราจะกลับไปยังมัณฑะเลย์ และลองเดินห้างในพม่าดูกันครับ

Posted by jirayu

WordPress Developer ที่พอมีประสบการณ์อยู่บ้าง วันไหนไม่ทำงานอยู่บ้านว่างๆ ก็นั่งเลี้ยงแมว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *