6 วันในพม่า เที่ยวมัณฑะเลย์ – พุกาม ตอนที่ 3

ต่อกันในตอนที่ 3 ซึ่งเป็นตอนสุดท้ายในทริป 6 วันครั้งนี้

วันที่ห้า – กลับมัณฑะเลย์ เดินห้างพม่า

จบจากพุกามก็ถึงเวลากลับไปยังมัณฑะเลย์อีกครั้งเพื่อรอกลับไทย โดยผมได้ให้ทางโรงแรมจัดการเรื่องตั๋วรถบัสกลับมัณฑะเลย์ให้เรียบร้อยแล้ว เมื่อถึงกำหนดเวลา ก็จะมีรถสองแถวใหญ่ขับมารับถึงที่โรงแรมเพื่อต่อไปสถานีขนส่งอีกทีหนึ่ง

ในขากลับนี้ไม่มีอะไรแปลกใหม่มากนัก รถวิ่งกลับเส้นทางเดิมที่เรามา และจอดพักที่ร้านเดิม เพิ่มเติมคือรถเสีย

เมื่อกลับมาถึงมัณฑะเลย์ รถจะไปจอดที่ท่ารถ พอลงจากรถแล้วจะมีรถสองแถวใหญ่ (เป็นรถบรรทุกหกล้อ) ที่จะพาเราไปส่งตามโรงแรม โดยรถจะไปจอดถึงที่หน้าโรงแล้วเลย

สำหรับคืนสุดท้ายที่นี่ เราพักที่ Hotel Mahar ซึ่งอยู่ห่างจาก Hotel Iceland ที่เราพักในคืนแรกประมาณหนึ่งกิโล ดังนั้นพวกร้านสะดวกซื้อ ร้านของกินต่างๆ (แน่นอนว่าผมกลับไปกินเบอร์เกอร์เนื้อปราศจากซอสมะเขือเทศที่ร้าน Mr.Burger เหมือนเดิม)

ผมมาถึงโรงแรมตอนประมาณสามโมงครึ่ง เลยคิดว่าเอาวะ วันนี้ไปเดินห้างพม่ากัน

พูดถึงการเดินทางในมัณฑะเลย์นิดนึง คือจริงๆ พม่ามีพวกรถเมล์รถสองแถวอะไรแบบนี้เหมือนกัน แต่พูดตรงๆ ว่าผมขึ้นไปมีหลงแน่ๆ เลยอาศัยการเดินทางยอดนิยมของพม่าอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือรถตุ๊กตุ๊กที่สามารถเรียกผ่านแอพได้

แอพเรียกรถที่นี่ที่เห็นใช้กันเยอะๆ ก็จะมี Get (เป็น Get ของพม่าเอง คนละเจ้ากับ Get ในไทย) และ Grab (ใช้แอพเดิม ไอดีเดิม บัตรเดิมกับที่ใช้ในไทยได้เลย) ค่าบริการกับส่วนลดต่างๆ ของฝั่ง Get จะดีกว่านิดหน่อย แต่ข้อเสียมหาศาลอย่างหนึ่งคือแอพ Get จะให้คนขับโทรคุยกับลูกค้า ซึ่งคนพม่าพูดภาษาอังกฤษกันก็ไม่ค่อยจะได้ ส่งข้อความไปก็ไม่ตอบ จนต้องให้น้องพนักงานที่โรงแรมคุยให้ ถึงสื่อสารกันรู้เรื่องว่าจะไปไหนอะไรยังไง และตัวแอพก็ไม่ค่อยเสถียรด้วย เปิดมาดับไปหลายรอบมาก

ในขณะที่ Grab นั้นโดยรวมถือว่าดีกว่าเยอะ อย่างที่เราทราบกันว่าแอพ Grab คุยผ่านแอพได้ และมีฟีเจอร์แปลภาษาให้ในตัว เลยพอจะสื่อสารกันได้บ้าง แต่ก็แลกมาด้วยราคาที่แพงกว่าอยู่นิดหน่อย

ส่วนตัวรถตุ๊กตุ๊กนั้นจะคล้ายกับของไทย (ในแอพ Grab เรียกรถสามล้อนี้ว่า Thone Bane) แต่มีขนาดเล็กกว่า และนั่งสบายกว่ามาก เพราะที่นั่งยกสูงขึ้นมาพอดี ไม่ได้เป็นที่นั่งตื้นๆ แบบตุ๊กตุ๊กไทย

ห้างที่จะไปวันนี้คือห้าง Yadanarpon Super Center (Sky Walk) และ Ocean Supercenter ซึ่งจริงๆ ตรงนี้จะเป็นห้างสองสามห้างอยู่ติดกัน ในห้าง Yadanarpon ลักษณะจะเก่าๆ ขลังๆ หน่อยคล้ายกับห้าง Imperial ลาดพร้าว ตัวห้างมีอยู่หกชั้น แต่เปิดจริงๆ ถึงแค่ชั้นสาม

ภายในห้างจะมีพวกร้านแบรนด์เนมอยู่ด้วยนะ ร้านเครื่องสำอางค์แบบที่เห็นในไทยก็พอมีบ้าง (ผมจำชื่อร้านไม่ได้แล้ว ลืมถ่ายรูปมาอีกต่างหาก) แต่ร้านส่วนใหญ่จะเป็นร้านของคนพม่าเอง ไม่ได้เป็นแบรนด์เฉพาะเจาะจง

อีกห้างที่อยู่ข้างๆ กันคือห้าง Ocean Supercenter ที่ห้างนี้ข้างบนจะเป็น Plaza เหมือนกับ Sky Walk แต่ชั้นใต้ดินจะเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตบรรยากาศคล้ายๆ Tops Supermarket หรือ Tesco Lotus สาขาเล็กๆ มีร้านหนังสือพม่าอยู่ด้วย (ลืมถ่ายรูปอีกแล้ว)

สินค้าในนี้ส่วนใหญ่นำเข้ามาจากไทยและจีน ลักษณะและสินค้าโดยรวมเหมือนกับเดินซูเปอร์มาร์เก็ตที่ไทยเลย อย่างเช่นบะหมี่นิสชินกระป๋องนี้ ลิขสิทธิ์ญี่ปุ่น นำเข้าโดยนิสชินสิงคโปร์ ผลิตในประเทศไทย ขายที่ประเทศพม่า

พวกน้ำอัดลมที่นี่มี Coca Cola นะ โค้กสามารถหาซื้อได้ทั่วไป ส่วนน้ำสีที่ปกติขายในชื่อ Fanta ในพม่าจะใช้ชื่อ Max+ แทน

รูปจากพุกาม

คุ๊กกี้กล่องแดงก็ตามมาหลอกหลอนถึงที่พม่า ไม่รู้ว่าที่นี่เขานิยมมอบคุ๊กกี้กล่องแดงให้กันในวันปีใหม่กันเหมือนในบ้านเราหรือเปล่า

อย่างหนึ่งที่จัดได้ว่าดีในนี้คือพวกผักผลไม้ คือมันก็ไม่ได้ดูดีพรีเมี่ยมแบบที่วางขายในสยามพารากอน แต่ถือได้ว่าสด และใหญ่โตมโหฬารมาก แบบนี้

อ้อ ที่พม่าคนจะนิยมกินโยเกิร์ตกันมากๆ ร้านค้าโชห่วยต่างๆ มักจะมีโยเกิร์ตออร์แกนิกขายด้วย

และในห้างนี้ก็มีขายเช่นกัน ที่เจอคือจะใส่มาในโอ่งน่ารักๆ แบบในรูป ภายในโอ่งก็จะมีตัวโยเกิร์ตเนื้อหยาบๆ เหลวๆ หน่อยตามประสาโยเกิร์ตออร์แกนิค และมีน้ำดำๆ หวานๆ มาให้ด้วย เดาว่าน่าจะเป็นน้ำตาลเคี่ยว เอามาใส่กินกับโยเกิร์ต

ซื้อของเล็กๆ น้อยๆ กลับมาแล้ว (รวมถึงโยเกิร์ตโอ่งด้วย) ก็เดินออกมาดูรอบๆ ห้าง พบว่ามีร้านที่เราคุ้นเคยอย่าง KFC และ The Pizza Company ด้วย!

ทั้ง KFC และ The Pizza Company จะเป็นร้าน standalone ตั้งอยู่ตรงข้ามกับห้าง (แต่คนละทิศกัน)

ปกติเวลาผมไปเที่ยวต่างประเทศ ผมมักจะชอบเดินหาร้านที่คุ้นเคย ที่เห็นว่ามีในไทย หรือเมนูไทยๆ แล้วลองเข้าไปกินเทียบกับที่เคยกินในไทยเอาสนุกๆ

ดังนั้นเราไม่พลาดที่จะเข้ามันทั้งสองร้าน! วันนี้เราจะเข้า KFC และวันพรุ่งนี้เราจะเข้า The Pizza Company

โดยส่วนตัวผมชอบการแต่งร้านของ KFC ที่นี่นะ แต่คุณภาพไก่ทอดยังสู้ไทยไม่ได้ ผมสั่งเบอร์เกอร์ไก่ซอสเผ็ดจีน (มันเขียนว่า Chinese spicy sauce เดาว่าน่าจะซอสหม่าล่า) ตัวเนื้อไก่ไม่ค่อยมีเนื้อเท่าไหร่ กัดไปเจอแต่แป้ง และไก่จะอมน้ำมันกว่า เลี่ยนกว่าในไทย

ถ้าไม่ถูกจริตกับอาหารพม่า และไม่อยากกินมาม่า ก็พอจะมากิน KFC ประทังชีวิตไปได้

แต่เอาจริงๆ พอกลับถึงที่พัก ก็ออกมากินเบอร์เกอร์เนื้อปราศจากซอสมะเขือเทศอยู่ดี

วันที่หก – เก็บตกพระราชวังมัณฑะเลย์ บินกลับไทย

จริงๆ ตามแผนเดิมคือจะเที่ยวพระราชวังมัณฑะเลย์วันจันทร์ แต่เนื่องจากหลงทิศทางเลยไม่ได้เที่ยว และเอามาเก็บตกในเช้าวันเสาร์แทน (เครื่องออกตั้งทุ่มนึง)

คือเรื่องของเรื่องนั้น เขตพระราชวังมัณฑะเลย์ที่เห็นเป็นกำแพงล้อมใหญ่ๆ มีคูเมืองล้อมอีกชั้นนั้น ตัวพระราชวังจริงๆ เป็นเพียงพื้นที่เล็กๆ ตรงกลางเท่านั้นเอง และพื้นที่รอบๆ ภายในกำแพงจะเป็นเหมือนค่ายทหาร และห้ามคนต่างชาติเข้า โดยถ้านักท่องเที่ยวต้องการเข้าไปชมพระราชวังมัณฑะเลย์จะต้องเข้าที่ประตูตะวันออกเท่านั้น แต่ที่พักของผมดันอยู่ประตูตะวันตก ตอนผมเข้าไปทางประตูตะวันตกเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าไปประตูทิศใต้นะ พอไปถึงประตูทิศใต้เจ้าหน้าที่ถึงบอกว่าให้เข้าประตูตะวันออก วันแรกเลยช่างแม่งแล้วเก็บไว้มาวันสุดท้ายแทน

ถ้าใครจำจากตอนแรกได้ ตอนที่เราไปเมืองอังวะ เราได้ซื้อตั๋ว Mandalay Archaeological Zone Fee Card ในราคา 10,000 จ๊าดเอาไว้ ตั๋วมีอายุ 7 วัน ดังนั้นเราสามารถเอามาเพื่อเข้าชมพระราชวังมัณฑะเลย์ต่อได้ทันที (ด่านตรวจตั๋วอยู่ที่หน้าพระราชวัง ไม่ใช่ประตูทางเข้า)

พอมาถึงทางเข้าแล้ว จะเป็นทางเดินเข้าไปต่ออีกประมาณ 900 เมตร เดินเอื่อยๆ หน่อยก็ประมาณ 15 นาที หรือถ้าใครขี้เกียจเดิน แถวนั้นก็จะมีมอเตอร์ไซค์รับจ้างและสองแถวเล็กให้บริการด้วยเช่นกัน

เดินเข้ามาเรื่อยๆ จะเห็นยอดพระราชวังอยู่ลิบๆ จุดตรวจตั๋วก็จะอยู่ตรงทางเข้าข้างหน้าเลย (มุมขวาในภาพ)

ตัวพระราชวังมัณฑะเลย์สร้างขึ้นมาช่วงสมัย ร.4 โดยพระเจ้ามินดง คือสมัยนั้นพม่ากำลังรบอยู่กับอังกฤษ และถือเคล็ดย้ายเมืองหลวงมาจากอมราปุระมาอยู่ที่มัณฑะเลย์แทน ตัวพระราชวังแต่เดิมนั้นสร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง แต่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง พระราชวังมัณฑะเลย์โดนฝ่ายอังกฤษทิ้งระเบิดเพราะคิดว่าเป็นแหล่งซ๋องสุมกำลังของฝ่ายญี่ปุ่นจนพระราชวังเดิมพังไปหมด

ต่อมารัฐบาลพม่าเลยทำการบูรณะขึ้นใหม่ตามแบบเดิม แต่ก็ไม่ได้เป็นไม้สักทั้งหมดเหมือนเดิม หลายๆ ส่วนถูกแทนที่ด้วยวัสดุสมัยใหม่ไปแล้ว

ภายในพระราชวังส่วนมากแล้วจะเป็นอาคารว่างๆ ไม่ได้มีการจัดแสดงอะไรเอาไว้เท่าไหร่นัก จะมีรูปจำลองของกษัตริย์พม่าอยู่บ้างในบางส่วน เช่นในท้องพระโรง หรือที่สิงหราชบัลลังก์

ผมเดินเอื่อยๆ อยู่ในบริเวณพระราชวังอยู่ราวชั่วโมงกว่าๆ ก็ทั่วแล้ว เลยเดินออกมาเพื่อไปหาอะไรกิน แน่นอนว่าเรากดเรียก Grab ไป Skywalk อีกแล้ว (ที่นี่ไม่เห็นวินท้องถิ่นจะมาวิ่งไล่กระทืบ Grab เหมือนบ้านเรานะ) และรอบนี้เราก็เข้าร้านไท๊ยไทยอย่าง The Pizza Company

การตกแต่งร้านก็จะคล้ายๆ ที่ไทย และมีบริการ Delivery ด้วย

รอบนี้ลองสั่งซี่โครงหมูบาบีคิวครึ่งชิ้นกับเฟรนช์ฟรายส์ กับพิซซ่าถาดเล็กมาทาน กับโค้กรีฟิลอีกแก้วนึง สำหรับราคาแล้วคิดว่าน่าจะพอๆ กับที่ไทย ซี่โครงครึ่งชิ้นกับเฟรนช์ฟรายส์ราคา 8000 จ๊าด หรือประมาณ 160 บาท ส่วนที่ไทยซี่โครงเต็มชิ้น อยู่ที่ 279 บาท

รสชาติรู้สึกต่างกับที่ไทยอยู่พอตัว เลี่ยนๆ ปะแล่มๆ กว่าที่ขายในไทยนิดหน่อย

ที่พม่านี่เวลาเราเข้าร้านอาหารพวกนี้ เวลาคิดเงินเขาจะติดสติกเกอร์ Commercial Tax มาให้ด้วย (ที่พม่าไม่มี VAT แต่จะมี Commercial Tax ที่คล้ายๆ VAT แต่จะคิดเฉพาะกับการขายสินค้าเท่านั้น ไม่คิดกับการขายบริการ)

ทั้งนี้ Commercial Tax นี้เอาไป Refund ไม่ได้ แล้วเค้าติดมาทำไมเนี่ย

สัมผัสชีวิตการการอาหารมื้อละเกือบสองหมื่น

หลังจากกินมื้อเที่ยงเสร็จก็กลับไปเอาของที่โรงแรม และขึ้นแท็กซี่ไปที่สนามบิน (แน่นอนว่าให้โรงแรมติดต่อให้เช่นเดิม) เพื่อรอกลับไทย

ไฟลท์กลับไทยนั้นออกประมาณทุ่มครึ่ง นี่ก็เล่นไปซะตั้งแต่บ่ายแก่ๆ กะว่าจะไปเช็คอินที่ตู้อัตโนมัติแล้วก็เข้าไปนั่งเล่นในเลาจ์บางกอกแอร์เวย์สวยๆ แต่แล้วก็พบว่าที่นี่ไม่มีตู้เช็คอินอัตโนมัติ 😰

สุดท้ายแล้วต้องนั่งกร่อยอยู่ที่คาเฟ่ในสนามบินจนเคาเตอร์เช็คอินเปิด เพราะในสนามบินนั้นแทบไม่มีอะไรเลย มีแค่ร้านแลกเงิน ร้านของฝากกึ่งๆ ร้านของชำ ร้านอาหาร และคาเฟ่อย่างละร้าน

กลับไทย

ทิ้งท้าย

สำหรับคนที่ชอบประวัติศาสตร์ พม่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่น่ามาเที่ยวมากๆ โดยส่วนตัวผมค่อนข้างเสียดายที่ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเกี่ยวกับพม่ามาก่อนเลย

คือตอนแรกที่หยุดยาว ผมกะจะนอนเปื่อยอยู่บ้านด้วยซ้ำ แต่พอหยุดวันแรก (25 มกราคม) อยู่ๆ ก็นึกคึกเปิด Skyscanner เล่น แล้วก็จองตั๋วบินวันที่ 28 เลย ซึ่งวันที่ 28 นั้นก็คือวันที่พาสปอร์ตของผมเหลือ 6 เดือนเป๊ะพอดีด้วย (คือถ้าบินวันที่ 29 ผมจะออกนอกประเทศไม่ได้แล้ว 555)

โดยส่วนตัวคิดว่าอาจจะต้องหาโอกาสกลับไปซ้ำอีกสักรอบ และคราวนี้อาจจะเปลี่ยนจากนั่งแท็กซี่เป็นเช่ารถมอเตอร์ไซค์ขับไปเอง (กูเกิลแมพใช้ได้!) และจะได้มีเวลาเต็มที่กับมันอีกสักหน่อย

ไว้เจอกันอีกทีนะ พม่า

Posted by jirayu

WordPress Developer ที่พอมีประสบการณ์อยู่บ้าง วันไหนไม่ทำงานอยู่บ้านว่างๆ ก็นั่งเลี้ยงแมว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *